การคำนวณของเด็กอนุบาล
การวัด= เปรียบเทียบ = คำนวณ
เด็กอนุบาลจะคำนวณจากการดูสิ่งของอะไรที่ยาวกว่าและอะไรที่สั้นกว่า
และถ้าเด็กอยู่ในระดับที่สูงมากขึ้นจะต้องคำนวณโดยตัวเลข เช่น 6-3=3เป็นต้น
- เด็กแรกเกิด-2จะใช้ประสาทสัมผัสทั้ง
5
-
อายุ2-4เด็กเริ่มใช้ภาษาได้มากขึ้นแล้วอาจจะพูดได้หรือจำได้แบบสั้นๆ
-
อายุ4-6ใช้ภาษาได้ยาวและมากขึ้นกว่าเดิมแต่ยังคงใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัด
และเด็กจะเริ่มใช้เหตุผลเด็กสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์หรือตอบตามที่ตาเห็น
พฤติกรรมของเด็ก คือ ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง
5แล้วจะส่งข้อมูลไปยังสมองเพื่อเก็บและบันทึก ฝึกประสบการณ์ให้เด็กเยอะๆและจะเกิดความรู้ใหม่ๆขึ้นมาแล้วจะเกิดเป็นความรู้ใหม่ต่อไป
อะไรที่เป็นคณิตศาสตร์ในห้องเรียน
โต๊ะ - รูปทรง
หน้าต่างประตู - รูปทรง
จำนวนเงิน - ค่าเงิน
หลอดไฟ - รูปทรง , จำนวน
กระเป๋า - รูปทรง , รูปร่าง, น้ำหนัก
, ความยาว, ความกว้าง
การนับจำนวน แล้วรู้ค่า เขียนด้วยตัวเลข
เป็นสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
(เลขฮินดูอารบิก)การเปรียบเทียบรูปทรงกับขนาดที่แตกต่างกันต้องใช้การคำนวณ
เมื่อเราเห็นสิ่งของก็จะเกิดการ เปรียบเทียบ เมื่อเห็นสิ่งของใหญ่กว่า
เล็กกว่าแล้วก็จะเกิดการคำนวณเพื่อให้รู้ว่าใหญ่เล็กกว่าเท่าไหร่
การให้เด็กเกิดการเรียนรู้ต้องให้เด็กได้จับต้องของจริง
คณิตศาสตร์จะไม่เกิดขึ้นถ้าภาษายังบกพร่องเพราะภาษาจะเป็นตัวเผยแพร่ให้คณิตศาสตร์ออกไป4-6
ปี
เด็ดเริ่มใช้เหตุผลจึงสามารถสอนแบบคิดได้เป็นการใช้ความสัมพันธ์จากประสบการณ์เดิมมาตามที่ตามองเห็น
เช่น น้ำ 1แก้ว
เทใส่ในแก้วทรงสูงและเตี้ย
เมื่อเทน้ำในแก้วสูงจะระดับสูงกว่าทรงเตี้ยและหากเด็กมองว่าทรงสูงมากกว่าทรงเตี้ยแสดงว่าเด็กใช้การคิดตามที่ตามองเห็น
แต่ถ้าเด็กบอกว่าเท่ากันแสดงว่าเด็กให้เหตุผล
ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์
รูปทรง คือโครงสร้างของสิ่งต่างๆ ประกอบด้วยด้าน 3 ด้าน คือ ด้านกว้าง ด้าน
ยาว ด้านหนา เรียกว่า รูป 3 มิติรูปทรงสามารถวัดขนาดและปริมาตรได้
เช่นรูปทรงสี่เหลี่ยม ทรงกลม
ทรงสามเหลี่ยมเป็นต้น
รูปแบบ คือ
แบบอย่างของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่สร้างหรือทำซ้ำเป็นตัวอย่างเพื่อการเลียนแบบ
เป็นแผนภูมิหรือรูปสามมิติซึ่งเป็นตัวแทนของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลักการหรือแนวคิดที่มีความสัมพันธ์กัน
ประเภททางคณิตศาสตร์
-รูปทรง
-จำนวน ค่าของจำนวน
-น้ำหนัก
-ขนาด ความจุ ปริมาณ
-พื้นผิว รูปแบบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น